Latest Stories



จากการพบรอยพระพุทธบาท ที่เมืองสระบุรี พ.ศ. 2145สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
จึงเสด็จไปนมัสการรอยพระพุทธบาทโดยทางชลมารค และสถลมารค
และได้โปรดเกล้าให้สร้างตำหนักเป็นที่ประทับระหว่างทาง และสันนิษฐานว่าได้โปรดฯ
ให้สร้างตำหนักขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ที่ตำบลริดวัดเทพจันทร์ ใกล้แม่น้ำป่าสัก ซึ่งสันนิษฐานว่า
ตำหนักนี้คงถูกแปลงเป็นวิหารในวัดใหม่ประชุมพล อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระมหากษัตริย์ที่ครองกรุงศรีอยุธยา ต่อจากนั้นมาทุกพระองค์จะต้องเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาท
ในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โปรดฯให้สร้างตำหนัก รวมทั้งศาลาที่พักของพระองค์และราษฎร์
ระหว่างทางหลายแห่ง ปัจจุบันพังทลายไปแล้ว และถูกสร้างทับเป็นศาลาพระจันทร์ลอย ประดิษฐานธรรมจักรศิลา
ภายในบริเวณเดียวกันกับวัดนครหลวง
ตามหลักฐานที่ปรากฎในพงศาวดาร ในปี พ.ศ. 2147 สมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดฯ
ให้ช่างไปถ่ายแบบปราสาทเมืองพระนครหลวง ในประเทศกัมพูชา มาสร้างใกล้วัดเทพพระจันทร์ อำเภอนครหลวง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
จากการดำเนินงานทางโบราณคดี ได้พบว่า วัตถุประสงค์แรกเริ่มของการสร้างปราสาทนครหลวง
คือ เพื่อให้เป็นศาสนสถานในพระพุทธศาสนา
มิใช่ที่ประทับระหว่างทางในการเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทดังที่เข้าใจกันมาแต่เดิมสำหรับตำหนักที่ประทับพั
กร้อนนั้น คือ ตำหนักนครหลวง การก่อสร้างปราสาทนครหลวงยังไม่แล้วเสร็จในสมัยพระเจ้าปราสาททอง
และถูกทิ้ร้างอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่มีกษัตริย์องค์ใดสร้างต่อแต่อย่างใด จนใน พ.ศ. 2356
ตาปะขาวปิ่น ได้สร้างวัดนครหลวงขึ้นมาโดยรวมเอาปราสาทนครหลวงเข้าไว้ในเขตวัดด้วย
และได้สร้างพระบาทสี่รอยไว้บนลานชั้นที่ 3 ของปราสาทนครหลวง ต่อมาใน
สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประมาณ พ.ศ. 2446 พระครูวิหารกิจจานุการ (ปลื้ม)
เมื่อครั้งยังเป็นพระปลัดอยู่นั้น ได้รวบรวมกำลังศรัทธาประชาชน
และพระบรมศานุวงศ์มาบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนครหลวง ในส่วนของปราสาทนครหลวงนั้น บนลานชั้นที่ 3
ปฏิสังขรณ์พระพุทธรูป มณฑป พระบาทสี่รอยมณฎประจำมุม ประจำด้าน
วิหารคดเก้าอี้ศิลปะแบบจีนขึ้นแทนสิ่งก่อสร้างเดิม ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททอง



มณฑปพระบาทสี่รอย สร้างขึ้นบนลานชั้นบนของปราสาทนครหลวง
ตรงตำแหน่งที่เคยพบซากปรางค์ประธานเป็นมณฑปทรงจตุรมุข ขนาด 8 คูณ 19 เมตร ก่ออิฐถือปูน
มีประตูทางเข้ามุขละ 2 ประตู ที่หน้ามุขด้านตะวันตก จารึกปีที่ปฏิสังขรณ์มณฑปหลังนี้ เมื่อ พ.ศ.
2446 ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบาทสี่รอย ที่คูหามุขแต่ละมุขมีพระพุทธรูปตั้งอยู่มุขละ 2 - 4 องค์
เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นซึ่งแกนในของพระองค์จะเป็นหอนทราย
ชั้นส่วนของพระพุทธรูปที่สร้างมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
พระยาทสี่รอยที่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปจตุรมุขนี้
มีลักษณะเป็นพระบาทศิลารอยใหญ่ซ้อนกันสี่รอยลึกลงไปในเนื้อหิน ตามคตินิยมทางพระพุทธศาสนาลัทธิมหายาน
นิยมการสลักหินเป็นพุทธบูชา เปรียบรอยพระบาทกับอดีตพุทธ 4 องค์คือรอยที่หนึ่ง หมายถึง พระพุทธกกุสนธ์
รอยที่สอง หมายถึง พระพุทธโกนาคมน์ รอยที่สาม หมายถึง พระพุทธกัสสปและรอยที่สี่ หมายถึง พระพุทธโคดม




ณ สถานที่แห่งนี้ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กันก็คือ..ศิลาพระจันทร์ลอย
ศิลาพระจันทร์ลอย เป็นหินขนาดใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เมตร หนาประมาณ 6 นิ้ว
ตามตำนานกล่าวว่าหินพระจันทร์ลอยนั้นลอยน้ำมาแล้วมาหยุดตรงหน้าวัดแห่งนี้



ศาลาพระจันทร์ลอย ตั้งอยู่ห่างจากปราสาทนครหลวงประมาณ 90 เมตร
จากการดำเนินการขุดแต่งเมื่อปีพ.ศ.2534 พบแนวพื้นปูอิฐ
ทำให้ทราบว่าศาลาพระจันทร์ลอยสร้างคร่อมทับสิ่งก่อสร้างเก่าหลังหนึ่งและจากหลักฐานเอกสารสันนิษฐานว่า
ซากสิ่งก่อสร้างนั้น คือ ตำหนักนครหลวง
ซึ่งสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดฯให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ประทับร้อนระหว่างทางเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปน
มัสการพระพุทธบาทสี่รอย จังหวัดสระบุรี
แต่ก่อนมาจากสภาพซากตำหนักที่พระบาทสมเด็จพระจุมจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ไว้ในระยะทางเสด็จประ
พาสมณฑลอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2421
ทำให้สันนิษฐานว่าตำหนักนครหลวงคงจะมีลักษณะเป็นตำหนักยาวอย่างพระที่นั่งจันทรพิศาลในพระนารายณ์ราชนิเวศ
น์ จังหวัดลพบุรี

ศาลาพระจันทร์ลอยที่เห็นกันในปัจจุบันเป็นอาคารจตุรมุข
เป็นของที่ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระปลัด (ปลื้ม)
ซึ่งต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูวิหารกิจจานุการอาคารทรงจตุรมุขดังกล่าวเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน
มีบันไดทางขึ้นเตี้ยภายในประดิษฐานพระจันทร์ลอยแผ่นศิลาที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระจันทร์ลอย
ซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปจตุรมุขนี้เดิมอยู่ที่วัดเทพพระจันทร์(ปัจจุบันชื่อวัดเทพพระจันทร์ลอย)
ตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่พระวิหารกิจจานุการ
(ปลื้ม)ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่อาคารหลังนี้พระจันทร์ลอยนี้เป็นแผ่นหินแกรนิตรูปวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 2
เมตรหนา 6นิ้ว ด้านหน้าสลักเป็นรูปเจดีย์ 2 องค์ พระพุทธรูป 3 องค์
เจดีย์องค์หนึ่งเป็นรอยสลักอยู่เดิม
แต่เจดีย์อีกองค์หนึ่งและพระพุทธรูปสามองค์มีปูนปั้นพอกให้นูนเด่นออกมามากกว่าหน้าศิลาคงจะมีผู้ทำขึ้นภา
ยหลังด้านใต้มีรอยสลักลายตรงกลางมีรูปต่าง ๆ ที่ปรากฎชัดเป็นรูปปลา 2
ตัวเหมือนสัญลักษณ์ราศรีมีนต่อจากลายมาสลักเป็นลวดโค้งเหมือนรอยต้นพระบาทลายเหล่านี้ลบเลือนมากสันนิษฐาน
ได้ว่าแผ่นศิลาพระจันทร์ลอยนี้คือ ธรรมจักร ซึ่งยังทำไม่เสร็จ



เที่ยวกระบี่ ทัวร์กระบี่
Read More ...

Latest Stories



รายละเอียด
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ( ททท.) สำนักงานกระบี่ ร่วมกับ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ พร้อมใจกันจัดงาน  “วันรักอ่าวลึก ครั้งที่ 5 ประจำปี 2554” เพื่อสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนอย่างรู้คุณค่า



ททท.สำนักงานกระบี่ อำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานภาครัฐและเอกชนพร้อมใจกันจัดงาน    “รักอ่าวลึกครั้งที่ 5 ประจำปี 2554” ในระหว่างวันที่ 3 – 5 ธันวาคม 2554 ณ สนามที่ว่าการอำเภออ่าวลึก อ. อ่าวลึก     จ. กระบี่  เพื่อแสดงมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น และอาศัยแนวคิดการดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง มานำเสนอ ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมย้อนยุคจากชาวอำเภออ่าวลึกทุกตำบล ที่ต่างพร้อมใจกันมาร่วมจัดงานในครั้งนี้

สำหรับปีนี้จะจัดให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม  เพื่อเป็นการเฉลิม  84  พรรษา  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รูปแบบการจัดงานยังคงแนวคิดย้อนยุคเช่นเดิม  นอกจากนั้นยังมีการนำวัฒนธรรมพื้นบ้าน  และวิถีชีวิตของชาวบ้าน  ศิลปะการแสดงพื้นบ้านซึ่งเป็นไฮไลท์ในของแต่ละขนำของตำบลต่าง ๆ  พบกับ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ทัวร์กระบี่ นิทรรศการแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พิพิธภัณฑ์ชุมชน ภาพถ่ายเก่า นิทรรศการการท่องเที่ยว นิทรรศการเรื่องปาล์มน้ำมันและยางพารา พืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดกระบี่ ชมการสาธิตการแกะสลักผักและผลไม้ การร้อยมาลัย ถนนคนเดิน ตลาดย้อนยุค แฟชั่นย้อนยุค เศรษฐกิจสร้างสรรค์จากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น
ททท.สำนักงานกระบี่และชาวอำเภออ่าวลึก  จึงขอเชิญชวน  นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ  และเพื่อให้งานมีสีสัน  มีเอกลักษณ์  จึงขอเชิญชวนทุกท่านแต่งกายย้อนยุค  เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศและกิจกรรมของงาน  รับรองว่างานสนุก     มีสีสัน  ย้อนยุค  มีเอกลักษณ์ และแถมได้ความรู้  เกิดความรักในถิ่นฐานบ้านเกิดอีกด้วย
***********************************
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ 292 ถ. มหาราช  อ. เมือง  จ. กระบี่ 81000 โทรศัพท์  0 7562 2163, โทรสาร   0 7562 2164
ที่ว่าการอำเภออ่าวลึก โทรศัพท์ 075-681 892, 075-681 361

เหมาะสำหรับ: ทุกเพศทุกวัย
ระดับงาน : ท้องถิ่น
Read More ...

Latest Stories

เที่ยวกระบี่ ทัวร์กระบี่



เหมือนไม่นานมานี้เราเพิ่งเจอกัน มันบังเอิญหรือเปล่าไม่แน่ใจ ถ้าเขาเป็นเพื่อนต้องบอกว่าพอรู้ใจกัน ระยะสี่ปี นอกจากรู้จักหน้าค่าตา ยังพอทำให้รู้จักมิตรภาพของเพื่อนมากขึ้น การหวนกลับมาเยี่ยมในเวลาไม่นานนักได้เห็นถึงความเดือดเนื้อร้อนใจที่เพื่อนพอจะช่วยเพื่อน...
 
“กระบี่” ถ้าเป็นชายคงผิวเข้มอย่างชาวเล ปล่อยตัวเองในอ้อมกอดอันดามัน มีผู้คนมากมายตักตวงประโยชน์จากตัวเขา ในความเมินเฉยไม่ใช่ไม่รู้ แต่ยากที่จะหักหาญใครง่าย ๆ แม้บางอย่างไม่อาจกลับคืน แต่เราก็หวนกลับมาเจอกันได้อีก
 
ถ้าเทียบกันด้วยสายตาเขาเป็นคนมีดีในตัว ด้วยเอกลักษณ์แหล่งท่องเที่ยวกระบี่หลากหลายและงดงาม แม้นใครอาจมองแข็งกระด้าง เราเดินทางมาอีกครั้งและหยุดยืนมองทะเลสีครามเบื้องหน้าตัดกับแพขนานยนต์ที่กำลังสำลักควัน เคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งในวันแดดเริงแรงตามแบบชายทะเล แพขนานยนต์หอบเอารถทั้งใหญ่เล็กจากเกาะลันตา มาเทียบ ท่าเรือบ้านหัวหิน
 
ด้วยเกาะลันตาห่างตัวกระบี่แค่ 50 กิโลเมตร ทำให้อาณาเขตแห่งความเจริญคืบคลานไปแฝงตัวอยู่รอบเกาะ เพราะหลังจากเราหย่อนก้นลงบนม้านั่งแพขนานยนต์แล้วมองออกไปยังพื้นที่เวิ้งว้างของชายทะเล เป็นอีกครั้งที่เราไม่รู้สึกสะทกสะท้านต่อคลื่นที่แฝงตัวใต้ท้องน้ำ ถึงใคร ๆ จะบอกว่าหน้านี้ไม่ควรเที่ยวทะเลด้วยกลัวมรสุม แต่สิบปากว่าไม่เท่ามาชมของจริง
 
ไม่ทันที่คนฟุ้งซ่านอย่างเราจะคิดอะไรต่อ รถก็มาจอดที่ร้านอาหารริมหาดเกาะลันตาใหญ่ ยอดคลื่นกำลังโถมตัวซัดหาดทราย มันคล้ายมาตราวัดอย่างหนึ่งของร้านค้าในเกาะที่จำต้องปิดตัวเพื่อรอฤดูท่องเที่ยวครั้งต่อไปจะแง้มประตูร้านค้าให้เปิดอีกครั้ง
 
การทิ้งร้านแล้วขึ้นฝั่งไปหาอย่างอื่นทำ ใครก็ทำได้ถ้าเขามีที่ทางในเมืองหรือเป็นแรงงานหนุ่มสาวสมบุกสมบัน แต่ไม่ใช่คนเฒ่าผิวเกรียมแดด ซึ่งเปิดร้านนวดเล็ก ๆ ริมหาด แกยิ้มเห็นฟันห่างเมื่อเห็นเราจด ๆ จ้อง ๆ และรับทักทายจากคนในคณะตามขนบมุสลิม
 
หลานตัวน้อยของแกเล่นสนุกอยู่บนเบาะนวด ผู้เฒ่าบอกอย่างไม่อายว่าปีนี้แย่จังเลยคุณ ร้านค้าในลันตาพากันปิดเร็วกว่าทุกปี ลำพังจะขึ้นไปทำงานบนฝั่ง บ้านและลูกหลานก็ยังอยู่ที่นี่ ใบหน้าที่มีตอหนวดขึ้นหร็อมแหร็มแสดงความเดือดเนื้อร้อนใจคุกรุ่นผ่านแววตาเศร้า
 
ด้วยปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงเป็นอีกผลดีของนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งแสวงหาพื้นที่พักผ่อนเงียบสงบ ขณะเดียวกัน การปีนผา คือการฝึกสมาธิการเดินถ้ำแคบ ๆ ไม่มีแสงไฟตามรายทางให้เดินก็เป็นอีกบททดสอบของรากฐานแห่งหัวจิตหัวใจให้เข้มแข็ง
 
ด้วยความที่ ถ้ำเขาไม้แก้ว ยังคงความดิบ ซึ่งคนที่เข้าไปเที่ยวควรเตรียมตัวโดยใส่รองเท้าหุ้มส้นไม่หลุดง่าย สวมใส่เสื้อผ้าทะมัดทะแมง และไม่ควรนำสัมภาระเข้าไปมากเพราะบางช่วงเป็นช่องแคบ ๆ ที่ต้องคลานแนบชิดกับพื้นถ้ำ ที่สำคัญควรมีไฟฉายคนละหนึ่งอัน ส่วนผู้ที่ไม่ชอบพื้นที่แคบ ๆ ถ้าอยากไปคงต้องทำใจให้เป็นปกติ
 
สำหรับการเดินทางเข้าถ้ำเขาไม้แก้ว เนื่องด้วยอยู่ใน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ทำให้ทางเดินเข้าไปเต็มไปด้วยไม้ใหญ่และโขดหินที่มากมายไปด้วยตะไคร่ พลันถึงปากถ้ำก็เจอด้านที่ผู้สูงอายุหลายคนถึงถอดใจ เพราะในช่องหินแคบ ๆ ต้องไต่บันไดลงไปยังโถงด้านล่าง พอเดินลึกเข้าไปทุกอย่างก็ดูจะมืดสนิท เหลือเพียงทางเดินแคบ ๆ ให้พอเดินเรียงเดี่ยว ช่วงแรกพื้นหินที่เดินยังไม่เฉอะแฉะกับน้ำที่ไหลซึมมาก แต่พอเข้าไปลึกเริ่มสร้างปัญหาให้ต้องตั้งหลักดี ๆ ก่อนก้าว
 
นอกจากต้องปีนบันไดในบางช่วง หลายช่องทางยังต้องไต่สะพานไม้ไผ่      เล็ก ๆ แต่คุ้มสำหรับคนที่ชอบเที่ยวถ้ำ เพราะมีโถงเต็มไปด้วยผนังที่ยามส่องไฟจะเป็นประกายระยิบระยับ แต่ดูจะโหดสุดคือช่วงสุดท้ายก่อนทางออกเป็นช่องเล็กต้องนอนราบแล้วกระดึ๊บตัวไปข้างหน้า โดยต้องปลดสัมภาระทั้งหมดเสียก่อน เช่นเดียวกับคนหุ่นเจ้าเนื้อต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฝ่าด่านนี้ไปได้ แต่ถือว่าคุ้มกับความพยายามและได้ออกกำลังจนเหงื่อโซมกันเป็นทิวแถว
 
 ปิดท้ายก่อนแสงสุดท้ายของวันบนจุดชมวิวที่จะเห็นทะเลกระทบโขดหินติดกับหย่อมหญ้าเล็ก ๆ ของร้านโน่น ที่เราสามารถสั่งน้ำมาดื่มให้ชื่นใจขณะลำแสงตะวันค่อย ๆ ลดระดับลงก่อนจมหายไปในท้องทะเล ทิ้งไว้เพียงความมืดและริ้วรอยการเดินทางตลอดวันนี้
 
ถึงคนมากหน้าหลายตาจะแวะเวียนมาหาเขาเพลาลง เพราะคาบเกี่ยวฤดูมรสุม แต่ในความครั่นคร้ามของคนที่กลัวคลื่น ยังมีรอยยิ้มของชนท้องถิ่นรอต้อนรับเสมอ ขอเพียงสายลมพัดหวนกลับมาท่องเที่ยวอีกครา.
รู้ไว้ก่อนไปเที่ยว
การเดินทาง จากตัวเมืองกระบี่ใช้ ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) มุ่งหน้าสู่ จ.ตรัง ผ่าน อ.คลองท่อม ถึงหลัก กม. 64 จะพบสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 4260 ไปประมาณ 27 กม. จะถึงท่าเรือแพขนานยนต์บ้านหัวหิน โดยสารเรือ ท่าเรือเจ้าฟ้า ขึ้นเรือที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง รอบเรือขาไป มีด้วยกัน 2 รอบ คือ 10.00 น. กับ 13.30 น. ระยะทางประมาณ 50 กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเศษ มาขึ้นเรือที่ท่าเทียบเรือบ้านศาลาด่าน
 
รอบเรือขากลับ มี 2 รอบเช่นกัน คือ 08.00 น. และ 13.00 น. ค่าโดยสารอีกคนละ 20 บาท เรือจะมีบริการในฤดูกาลท่องเที่ยว
 
ภูมิอากาศ เกาะลันตามีสภาพภูมิอากาศอยู่ในแถบป่าฝนเมืองร้อน จะมีช่วงลมมรสุมพัดผ่าน ปีละ 2 ครั้ง โดยจะเป็นลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกาะลันตา มีเพียง 2 ฤดูกาล คือ ฤดูฝน และฤดูร้อน
 
ฤดูกาลท่องเที่ยว ที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงเดือนพฤษภาคม และช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมามากที่สุด คือช่วงเดือนพฤศจิกายน จนถึงเดือนมีนาคมของทุกปี อุณหภูมิอากาศของเกาะลันตาโดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 32-34 องศาเซลเซียสในเวลากลางวันและ 20-25 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน เฉลี่ยแล้วก็จะอยู่ที่ประมาณ 28-30 องศาเซลเซียส
 
สิ่งของต้องเตรียม ควรเตรียมชุดที่แห้งง่าย และถุงกันน้ำ รองเท้าแตะสวมใส่สบาย.
ทัวร์กระบี่ เที่ยวกระบี่
Read More ...

Latest Stories


โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ขอเชิญทุกท่านร่วมต้อนรับ เซ็นทาราอันดาเทวีรีสอร์ทและสปา กระบี่ ภายใต้การบริหารงานของเซ็นทารา ด้วยราคาแนะนำสุดพิเศษ สำหรับห้องดีลักซ์การ์เด้นวิว เริ่มต้นเพียง 2,610 บาท ++ (รวมอาหารเช้า) ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2554 และเริ่มต้นเพียง 3,510 บาท ++ (รวมอาหารเช้า) ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2554 ราคาดังกล่าวเป็นราคาต่อห้องต่อคืน สำหรับ 2 ท่าน ยังไม่รวมค่าภาษีและค่าบริการ และให้สิทธิ์ในการพักฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี (ไม่เกิน 2 คน) ที่พักร่วมห้องกับคุณพ่อคุณแม่

เซ็นทาราอันดาเทวีรีสอร์ทและสปา กระบี่ โรงแรมสร้างใหม่ภายใต้การบริหารงานของเซ็นทารา ตั้งอยู่ห่างจากหาดนพรัตน์ธาราเพียง 100 เมตร และยังอยู่ใจกลางเมืองของอ่าวนาง ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่เพียง 40 นาที ประกอบด้วยห้องพักแบบธรรมดาและห้องพักประเภทสวีทจำนวน 135 ห้อง ทุกห้องมี ระเบียงส่วนตัวอันกว้างขวางและได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม อาทิ ห้องพักแบบดีลักซ์การ์เด้นวิว ขนาดตั้งแต่ 36 จนถึง 40 ตารางเมตร จำนวน 72 ห้อง, ห้องพักแบบดีลักซ์พูลวิว ขนาด 42 ตารางเมตร จำนวน 50 ห้อง, ห้องพักแฟมิลี่สวีทพูลวิว ขนาด 83 ตารางเมตร 1 ห้อง, ห้องพักแบบดีลักซ์พูล แอคเซส ขนาด 46 ตารางเมตร จำนวน 11 ห้องและห้องฮันนีมูนสวีทพูลแอคเซส ที่ใหญ่ถึง 92 ตารางเมตร จำนวน 1 ห้อง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองห้องพัก โทร. 0 2101 1234 ต่อ1 หรือ อีเมล์ reservations@chr.co.th หรือเว็บไซต์ http://www.centarahotelsresorts.com/package/CentaraAndaDheviIntroSale.asp
Read More ...

Latest Stories




ทดสอบบทความ
ททท.สำนักงานกระบี่ ขอเชิญชมการแข่งขันปีนหน้าผา “Krabi International Rock Climbing 2011” เสริมภาพลักษณ์จังหวัดกระบี่เป็น Rock Climbing Destination
จังหวัดกระบี่ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ททท. สำนักงานกระบี่ แลปีนผาะชม รมปีนหน้าผาไร่เล กำหนดจัดงาน “Krabi International Rock Climbing 2009” ระหว่าง วันที่ 17 – 19 เมษายน 2554 ณ หาดต้นไทร หาดไร่เล และเกาะปอดะ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่และ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมการปีนผาของจังหวัดกระบี่ และส่งเสริมให้กิจกรรมการแข่งขันปีนหน้าผาเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางการท่อง เที่ยวประจำปีของจังหวัดกระบี่ รวมทั้งนำเสนอภาพลักษณ์จังหวัดกระบี่ เป็น Rock Climbing Destinationซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักปีนหน้าผาว่าหากนึกถึงการปีนผา ต้องไปปีนที่จังหวัดกระบี่ เนื่องจากมีหน้าผาที่สวยงามติดอันดับโลก มีธรรมชาติที่สวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวครบครัน มีเส้นทางปีนผากว่า 600 เส้นทาง นักปีนผาสามารถเลือกปีนได้ตามระดับความยากง่ายและความท้าทายที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีลักษณะเด่น
คือเมื่อปีนขึ้นไปบนยอดเขา สามารถมองเห็นทัศนยีภาพอันสวยงามของจังหวัดกระบี่ เช่น ภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาคล้ายรองเท้าบู๊ท เรือสำเภา หัวนก รวมทั้งมองเห็นหมู่เกาะต่างๆ เช่น เกาะปอดะ เกาะทับ เกาะไก่ ฯลฯ โดยได้แบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภทคือ
• Lead Climbing Marathon
• Deep Water Soloing


นอกจากกิจกรรมการแข่งขันปีนผาแล้ว ยังมีการจัดการแข่งขัน Thailand Bouldering Asia
Cup และการแข่งขันควงไฟ (Fire Contest)


ททท. คาดว่าหลังจากการจัดกิจกรรมปีนผานานาชาติครั้งนี้จะทำให้จังหวัดกระบี่เป็น ที่รู้จักแพร่หลายในระดับชาติและระดับสากลมากขึ้นรวมทั้งจะสามารถกระตุ้นการ ท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ในภาพรวมได้เป็นอย่างดี ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันดังกล่าวสามารถเข้าไปดูข้อมูลและสมัครได้ที่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ โทรศัพท์. 0 7562 3944 โทรสาร 0 7562 3955 www.krabi-tourism.org E-mail : krabi_tourism@hotmail.com การจัดการแข่งขันปีนผาครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากสมาคมกีฬาปีน หน้าผาแห่งประเทศไทย ชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวต้นไทร และชมรมธุรกิจการท่องเที่ยวอ่าวไร่เล


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท. สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 - 7562 - 2163 โทรสาร 0 - 7562 - 2164 e-mail : tatkrabi@tat.or.th


ข้อมูล จาก ททท.


ห้องพักราคาพิเศษ ช่วง 16- 20 เมษายน 2552
package 3 คืน รวมอาหารเช้า 3000 บาท เท่านั้น...
ปกติราคา คืนละ 2450 บาท 
ดูรายละเอียดห้องพักได้ที่ www.krabiontours.com
Read More ...

Latest Stories

ดินแดนมนต์ขลังแห่งท้องทะเล ใครได้มาเยือนเหมือนได้มาซึ่งแก้วแหวนเงินทองแห่งความทรงจำ สำหรับนักดำน้ำผู้มุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ซึ่งความสวยงามของธรรมชาติใต้ทะเล กระบี่ คือจุดมุ่งหมายแห่งความต้องการนั้น หลังจากแพ็คกระเป๋าดำน้ำ โดยไม่ลืมหยิบเร็กกูเลเตอร์ตัวใหม่ถอดด้าม เพื่อให้มันได้สัมผัสซึ่งความเค็มเป็นครั้งแรก หลังจากใช้ของเก่าเก็บมาเกือบ 10 ปีทริปนี้เราได้เพื่อนร่วมทางหลายคนโดยการแนะนำจากกระบี่ออนทัวร์ และกระบี่สกาย ทริปนี้เรายังได้เจอกับเจ้าฉลามวาฬเป็นเพื่อนร่วมทางอีกด้วย
นอกจากความลิงโลดที่ได้เจอกับเจ้าฉลามวาฬที่ไม่พบไม่เจอ กันมาหลายปีแล้ว สิ่งที่น่าดีใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ ปะการังอ่อนที่บริเวณหินแดงหินม่วงที่เคยมีข่าวคึกโครมกันในปี 2550-2551 ว่าเกิดการล้มตายกันขนานใหญ่เนื่องจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเย็นจัดพัดผ่านเข้า มาอันเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนิลโญ ทำให้ปะการังอ่อนที่หินแดงและหินม่วงตายไปมากมายจนแทบจะเหลือแต่หินโล้น ๆ ซึ่งระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ท้องทะเลก็กลับฟื้นคืนชีวิตให้ปะการังอ่อนที่นี่ก่อเกิดและเติบโตขึ้นมาได้ มากมายจนปกคลุมไปทั่วทั้งกองหิน แน่นขนัดงดงามกว่าเดิมเสียอีก ซึ่งผมไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับปะการังอ่อนที่หินแดง หินม่วงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แล้วฟื้นคืนสภาพกลับมางดงามได้อย่างรวดเร็วในวันนี้นั้น ได้มีนักวิชาการของกระบี่ทำการติดตามศึกษาไว้บ้างหรือไม่ เพราะการฟื้นคืนสภาพของธรรมชาติในแนวปะการังนั้นอาจจะใช้ระยะเวลาเร็วกว่า ที่เราคิดหรือเราเคยเชื่อกันมากทีเดียว ยิ่งตอนนี้เพิ่งเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ปะการังตายไปมากมายเป็นบริเวณกว้างจนต้องมีการสั่งปิดจุดดำน้ำไปหลายแห่ง เมื่อต้นปี หากจะมีการศึกษาโดยถ่ายภาพหรือวัดระดับการก่อเกิด การเติบโตของปะการังชนิดต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆ เอาไว้ เราก็อาจจะทราบความจริง และทราบความเป็นไปของธรรมชาติในแนวปะการังทะเลกระบี่ได้ดียิ่งขึ้น เพื่อจะนำมาเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนการใช้ทรัพยากรทางทะเลในอนาคต ซึ่งน่าจะดีกว่าการสรุปโดยการคาดเดาหรือการใช้ทฤษฎีความเชื่อเก่าๆมาถกเถียง กัน ใครที่อยู่ในแวดวงวิชาการที่เกี่ยวข้องหรือนักวิชาการของอุทยานฯ เจ้าของพื้นที่จะเริ่มต้นลงมือศึกษาวันนี้ก็ยังไม่สายครับ ศึกษาแล้วได้ผลการศึกษาอย่างไรนำมาบอกเล่าสู่สาธารณะชนให้รับรู้ก็จะเป็น ประโยชน์ยิ่งต่อคนรักทะเลกระบี่

แต่สิ่งที่เป็นสุดยอดแห่งความประทับใจในทริปนี้ก็คงต้องยกให้กับการลงดำน้ำ ที่บริเวณหินแดง หินม่วง ซึ่งเป็นหินกลางน้ำที่ตั้งอยู่กลางผืนทะเลกว้างนอกชายฝั่ง ห่างจากเกาะรอกเขตจังหวัดกระบี่ออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ใช้เวลาวิ่งเรือราว 2 ชั่วโมง กองหินทั้งสองมีลักษณะคล้ายกับภูเขาขนาดย่อมๆ ตั้งชันขึ้นมาจากพื้นทะเล โดยหินแดงมียอดหินโผล่พ้นน้ำขึ้นมาปริ่มๆ ราวเมตร 2 เมตร ในขณะที่หินม่วงนั้นยอดหินจมอยู่ใต้ผืนน้ำในระดับความลึกราว 10 เมตร หินทั้งสองตั้งอยู่ห่างกันราวสัก 500 เมตร หินแดงและหินม่วงเป็นสุดยอดของแหล่งดำน้ำที่สวยงามจุดหนึ่งของท้องทะเล อันดามันตอนใต้เลยทีเดียว โดยจุดเด่นของหินแดงก็คือทั้งกองหินจะปกคลุมไปด้วยปะการังอ่อนสีแดงเต็มไป หมด ในขณะที่หินม่วงนั้นทั้งกองหินก็จะปกคลุมไปด้วยปะการังอ่อนสีม่วงเกือบเต็ม ไปทั้งกองหินเช่นกัน และด้วยความเป็นกองหินกลางทะเลตั้งขึ้นมาโดดเด่น ที่นี่จึงเป็นแหล่งรวมของสรรพชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝูงปลานานาชนิดเช่นฝูงปลากล้วย ฝูงปลากะพง ฝูงปลาสาก ฝูงปลาทูน่า ฝูงปลาหูช้าง และปลาสวยงามตามแนวปะการังเช่นปลาในกลุ่มปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลานกแก้ว เป็นต้น ในขณะที่ปลาใหญ่อย่างกระเบนราหู และปลาฉลามวาฬนั้น ที่หินแดงหินม่วงในระยะหลัง ๆ นี้ ก็เป็นแหล่งดำน้ำที่พบเจอทั้งปลากระเบนราหูและปลาฉลามวาฬได้บ่อยครั้ง โดยในเที่ยวนี้เราก็โชคดีที่พบเจอกับปลาฉลามวาฬ ยักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลกระบี่เข้าอย่างจัง โดยพบถึง 2 ตัวด้วยกัน ตัวแรกมีขนาดเล็กหน่อย ขนาดเล็กๆ ความยาวของลำตัวจดปลายหางก็ราวสัก 5 เมตรเห็นจะได้ ว่ายผ่านเข้ามากลางกองหินสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับพวกเราเป็นอย่างยิ่ง ในขณะฉลามวาฬอีกตัวมีขนาดใหญ่กว่า โดยมีความยาวราว 6-7 เมตรเลยทีเดียว ว่ายผ่านเข้ามาโดยโบกแพนหางขนาดใหญ่ไปมาอย่างช้า ๆ ในขณะที่พวกเราสลับเท้าเตะฟินเพื่อตามถ่ายภาพกันเป็นระวิง เจ้าฉลามวาฬทั้งสองตัวว่ายผ่านไปผ่านมาให้เราตามกันอยู่ 2 ไดฟ์แล้วหายลับไป ซึ่งเท่านั้นก็เพียงพอกับความอิ่มเอิบที่มากมายเกินคาด เพราะในระยะปีหลัง ๆ มานี้ ฉลามวาฬกลายเป็นปลาที่หาดูได้ยากเต็มทีในแหล่งดำน้ำบ้านเรา ในขณะที่กระเบนราหูหรือแมนต้าเรย์นั้น สามารถจะพบเจอกันได้โดยไม่ยากนัก เที่ยวนี้จึงเป็นการปิดฤดูกาลดำน้ำทางฝั่งอันดามันที่ดียิ่งของผมเลยทีเดียว


อากาศที่แปรปรวนอันเป็นผลจากภาวะโลกร้อนทำเอาฤดูกาลแปรเปลี่ยนไปหมด ไม่เฉพาะแต่ผู้คนที่ต้องประสบกับภัยธรรมชาติที่แปรปรวนอย่างหนัก จนแม้แต่พืชและสัตว์ก็ยังสับสนงุนงง ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นฤดูกาลอะไรกันแน่ และจะปรับตัวหรือทำตัวอย่างไรถึงจะถูก อย่างพืชบางชนิดจะทิ้งใบเหลือแต่กิ่งก้านก่อนที่จะผลิดอกเต็มต้นในช่วงกลาง ฤดูร้อน แล้วค่อยแตกใบเมื่อดอกร่วงหมดตอนเริ่มจะมีฝน ก็ต้องแตกใบเขียวขจีออกมาพร้อมๆกับดอกเพราะฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนักจนราก ชุ่มฉ่ำ กบเขียดที่เคยขุดรูจำศีลในช่วงหน้าแล้งก็ถูกปลุกด้วยสายฝนอันชุ่มฉ่ำให้ขึ้น มาจับคู่ผสมพันธุ์ พืชพรรณหลายชนิดก็ผลิดอกออกผลผิดเวลาผิดฤดูกาล ซึ่งนั่นเป็นตัวอย่างของความแปรปรวนที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้
     
       การท่องเที่ยวทางทะเลกระบี่ฝั่งอันดามันปีนี้ก็ค่อนข้างจะแปรปรวนเอามาก ๆ เพราะกลางมีนาคม-เมษายน ที่เคยเป็นเวลาคลื่นลมเงียบสงบ ท่องเที่ยวหมู่เกาะ ดำน้ำดูปะการังกันได้สนุกสนาน ก็ต้องสับสนวุ่นวายกับฟ้าฝนคลื่นลม บางทริปไปเที่ยวเกาะด้วยเรือเร็ว แต่ต้องกลับด้วยเรือรบก็มีเพราะคลื่นลมรุนแรงจนติดเกาะกันเป็นแถว ซึ่งพอคลื่นลมสงบเงียบทะเลเรียบได้หน่อยก็ถึงเวลาปิดฤดูกาลท่องเที่ยวทาง ฝั่งทะเลอันดามันเสียแล้ว โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันปีนี้ประกาศปิดอุทยาน ฯ วันที่ 30 เมษายน ทำให้บรรดาเรือบริการดำน้ำที่ไม่รู้กำหนดประกาศปิดพานักดำน้ำเดินทางออกไปใน ช่วงหยุดยาววันแรงงาน 1 พฤษภาคม ต้องผิดหวังถูกไล่จับ ไล่กลับออกจากพื้นที่อุทยานฯ กันเป็นแถวโดยไม่มีการอะลุ่มอะหล่วย ก็ถือเป็นความซวยของผู้ประกอบการไป


 ผมค่อนข้างโชคดีครับที่ไปดำน้ำปิดฤดูกาลอันดามันตอนต้นเดือนพฤษภาคมในเส้นทางอันดามันใต้ บริเวณหมู่เกาะห้าใหญ่ กับหินแดง-หินม่วง ซึ่ง บริเวณนั้นอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา ซึ่งเขาไม่ได้ประกาศปิดจึงไม่ต้องถูกไล่เหมือนเรืออพยพอย่างที่หมู่เกาะสิมิ ลัน และที่สำคัญไปดำน้ำส่งท้ายปิดฤดูกาลท่องเที่ยวอันดามันปีนี้ ได้พบได้เจออะไรดีๆ ที่ประทับใจและก่อให้เกิดความหวังกับท้องทะเลไทยขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียว ครับ
     
       ออกจากท่าน้ำเมาที่กระบี่กันเกือบเที่ยงคืน เรือภาณุนีก็พาเรามาถึงหมู่เกาะห้าในตอนเช้าตรู่ ซึ่งเป็นเกาะหินเล็ก ๆ 5 เกาะรวมตัวอยู่ด้วยกันในเขตน่านน้ำจังหวัดกระบี่ทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ของ เกาะลันตา ซึ่งที่นั่นเราลงดำน้ำกันที่เกาะ 5 เหนือ ซึ่งบริเวณลานทรายใต้น้ำหน้าเกาะมีดงปะการังอ่อนชนิดต้นใหญ่อวบขาว ขึ้นอยู่มากมายเป็นพื้นที่กว้างเกือบสนามบาสเกตบอลเลยทีเดียว เป็นดงปะการังอ่อนที่ยังคงสมบูรณ์มาก เห็นแล้วก็น่าชื่นใจที่ยังมีแหล่งดำน้ำที่มีปะการังอ่อนที่สวยงามสมบูรณ์ เช่นนี้เหลืออยู่ในท่ามกลางข่าวร้ายว่าปะการังฟอกขาวและตายไปเป็นบริเวณ กว้างทั่วทั้งทะเลอันดามันในช่วงต้นปีที่ผ่านมา นอกจากลานปะการังอ่อนที่สมบูรณ์บริเวณเกาะห้าเหนือแล้ว หมู่เกาะห้านี้ยังมีถ้ำใต้น้ำที่สวยงามท้าทายให้ดำให้มุดกันมากมายหลายถ้ำ ทั้งโพรงถ้ำขนาดใหญ่ โพรงถ้ำขนาดเล็ก และมาเที่ยวนี้เราพบฝูงปลากล้วยจำนวนมากมายเป็นพัน ๆ ตัวรวมฝูงกันอยู่บริเวณลานหน้าปากถ้ำ ทำให้เกิดความรู้สึกชุ่มชื่นขึ้นมาหน่อยว่าทะเลไทยของเราก็ยังมีความอุดม สมบูรณ์ให้เห็น

อ้างอิง  : http://www.manager.co.th 
กระบี่สกาย http://krabisky.weebly.com
Read More ...

Latest Stories

ลงใต้เที่ยวทะเลกระบี่กันดีกว่า  Krabi lively town lovely people "เมืองกระบี่น่าอยู่ ผู้คนน่ารัก" คำขวัญของจังหวัดกระบี่ที่อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงความน่าอยู่ของเมืองนี้ ด้วยข้อความที่อ่านแล้วจำได้อย่างรวดเร็ว แค่ทบทวนไม่กี่รอบก็จำได้ขึ้นใจทีเดียว การได้ไปเยือนกระบี่ครั้งนี้แม้จะใช้เวลาแค่ 3 - 4 วัน แต่เราก็ซึมซับได้ถึงบรรยากาศของชายทะเลฝั่งตะวันตกของท้องทะเลอันดามันทะลุทะลวงทุกอณูขุมขน มาถึงวันแรกก็เริ่มมองหาที่เที่ยวที่จะกลายเป็นจุดพักผ่อนในใจเรา อย่างเช่น หาดอ่าวนางก่อนเป็นอันดับแรก เดินดุ่มๆเข้าไปจองทัวร์กับร้านทัวร์ใจดีอย่างกระบี่ออนทัวร์  เขาแนะนำให้ไปทริป 4 เกาะ ซึ่งในโปรแกรมทัวร์เราจะได้ไปทัวร์ที่ เกาะไก่ ทะเลแหวก เกาะปอดะ และ หาดพระนาง

เกาะไก่ เป็นชื่อที่คนเรือซึ่งเป็นชาวท้องถิ่นใช้เรียกเกาะใหญ่อันดับสองซึ่งนับถัดจากเกาะปอดะ ตรงท้ายเกาะจะมีแท่งหรือเสาหินลักษณะคล้ายไก่หันหน้าไปทางทิศใต้ของเกาะโดดเด่นเป็นสง่า บางคนอาจเห็นเป็นไก่งวงก็ได้ พี่คนขับเรือบอกเราว่า เกาะนี้สมัยก่อนมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า เกาะด้ามขวาน ซึ่งเราคิดว่า ชื่อเกาะไก่นี้แหล่ะ เหมาะสมแล้ว แต่ก็เน๊อะ จินตนาการคนเรามันก็แตกต่างกัน เราจะเรียกเกาะนี้ว่าอะไรเกาะอะไร มันก็สวยแบบของมันวันยังค่ำ  เมื่อพี่คนเรือจอดเรือให้เราไปเล่นน้ำที่เกาะไก่ เราก็โดดลงน้ำทันที ต๊กกะใจ ทำไมน้ำลึกจัง พี่คนเรือบอกว่า วันนี้น้ำใสมาก แต่ต้องระวังหน่อยเพราะน้ำดูตื้น แต่จริงๆแล้วลึกน่าดู แนะนำนะค่ะสำหรับคนว่ายน้ำไม่แข็ง ขอให้สวมเสื้อชูชีพดีกว่า ถ้ากระแสน้ำพัดเราไป เราก็ยังมีชูชีพคอยพยุงเราอยู่ อย่าประมาทนะค่ะ
ดำน้ำดูปะการังเพลินๆพักนึง เห็นคนไทยอีกกลุ่มนึงเฮเสียงดันลั่น เราก็เงยหน้าไปดู เห็นเค้าเอาขนมปังมาล่อปลาเสือให้มากินแล้วถ่ายรูปกันใหญ่ เราคิดว่าเป็นวิธีการเรียกปลาที่ไม่ถูกสักเท่าไหร่ การให้ขนมปังมัน จะไปเปลี่ยนนิสัยของปลา ต่อไปมันอาจจะโดดขึ้นบนเรือมาขโมยอาหารกล่องเราไปกินก็ได้ ม่ายยยยยยช่ายยยยย มันจะติดนิสัยรออาหารคนโดยไม่ค่อยสนใจอาหารที่มันสามารถหาได้เองตามธรรมชาติ ก็เหมือนเราไปให้อาหารปลาสวายที่แม่น้ำหน้าวัดในกรุงเทพไงคะ เราไม่ต้องเรียกปลาแบบนั้นหรอกค่ะ แค่แบมือตบๆบนผิวน้ำเบา ปลาก็มาให้เราถ่ายรูปแล้ว
น้ำทะเลที่เกาะไก่วันนี้ใสมาก ปลานกแก้วหลายสี รวมทั้งปลากะตูนร์เราก็สามารถหาเจอได้ที่นี่ค่ะ วันนี้พิเศษมาก เจอเต่าด้วย พี่คนเรือบอกว่า เมื่อก่อนเต่าที่นี่มีเต่าเยอะ เป็นเต่ากระ มีกระดองที่สวยแวววาว แต่ตอนนี้มีไม่กี่ตัว เพราะสมัยก่อนโดนล่าเอากระดองมาทำแหวนหรือกำไลราคาแพง เห็นมั๊ยค่ะ มีแต่เราเองนั่นแหล่ะที่ไปทำลายธรรมชาติโดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์มาเยอะนักหนา ถึงคราวเราต้องให้อะไรกับธรรมชาติบ้างนะคะ

บริเวณเกาะไก่ ยังมีเกาะอีก 3 เกาะ ก็คือเกาะปอดะ ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ เกาะทับแล้วก็เกาะหม้อ เป็นเกาะเล็กๆอยู่ระหว่างเกาะไก่และเกาะปอดะ เป็นเกาะเล็กแต่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะที่เกาะเล็กๆนี่คือเวทีแห่งปรากฎการณ์ธรรมชาติ ชนิด Uncut เอ๊ยยยยยย Unseen Thailand เลยทีเดียว นั่นก็คือปรากฏการณ์ ทะเลแหวก นั่นเอง เมื่อน้ำลด ทั้งสามเกาะคือ เกาะไก่ เกาะปอดะ และเกาะหม้อจะถูกเชื่อมต่อเข้าหากัน กลายเป็นหาดทรายที่ขาวสะอาดทอดยาว ความสวยงามนี้เองทำให้ทั้งสี่เกาะของทะเลกระบี่แห่งนี้นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทะเลแหวก ชนิด Unseen ที่หลายๆคนพูดถึงและหาโอกาสมาเยี่ยมเยือนที่นี่ให้จงได้ น้ำลดแล้ววู้ๆๆๆๆๆ เอาล่ะลุยทะเลแหวกกันเล๊ยยย
หันซ้ายทีขวาที คนเยอะเหมือนกัน มะเป็นไร เค้าก็มาเสพธรรมชาติเหมือนกันกับเรา ว่าแล้วเราก็เดินจากเกาะไก่ไปทะเลแหวกทันที ตอนที่เราเดินไปเนี่ยน้ำยังลดลงไม่สุดนะคะ น้ำสูงประมาณขาอ่อน แต่ก็เดินได้สะดวก เห็นแนวหาดทรายเป็นแนวยาวไปสุดเกาะหม้อ โอ้โห ทำมายมันไกลจัง ไม่เป็นไรเดินไปเรื่อยๆ ขอบอกนะคะในวันฟ้าใสของกระบี่แบบนี้ แดดแรงมากๆครีมกันแดดต้องพกมานะคะม่ายงั้นตัวจะดำและก็ลอกเป็นแผ่นๆจนเราแอ๊บแบ๊วไม่ออกได้นะคะ
และแล้วเราก็เดินมาถึงเกาะหม้อ เย่ๆ ทิวทัศน์ที่นี่สวยมากค่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเมืองไทยเราจะมีเกาะที่สวยงามได้ขนาดนี้ อิจฉาคนกระบี่มากๆที่เกิดมาเป็นเจ้าของผืนดินแห่งนี้...  เดินชมสถานที่สักพักเราก็ออกไปดำน้ำดูปลาอีก ที่นี่มีปะการังน้ำตื้นอยู่ใกล้ๆโดยที่เราไม่ต้องว่ายน้ำออกไปไกลๆ ปลาเยอะมากค่ะ ขอบอก ฟังหลายคนพูดว่า ที่นี่ไม่เห็นสวยเท่าเกาะช้างเลย เราก็เคยไปเกาะช้างนะ ยอมรับค่ะว่าสวยมาก แต่ก็ต้องนั่งเรือไปไกลเช่นกัน แต่นี่เรานั่งเรือมาจากฝั่งแค่ 30 นาที ก็เจอสวรรค์แล้ว แล้วเราจะไม่ตกหลุมรักหนุ่มหน้ามนต์นามว่า กระบี่ คนนี้ได้ไงค่ะ
เล่นน้ำดูปะการังได้สักพัก พี่คนเรือก็มาตามเราให้ไปว่ายน้ำเล่นต่อที่เกาะปอดะ นั่งเรือประมาณ 7 - 8 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ก้าวแรกที่ลงไปยังเกาะ แม่เจ้าๆๆ ทรายขาวละเอียดนุ่มมากๆ อยากจะกลิ้งบนหาดสัก 70 ตลบค่ะ แต่ทำไม่ได้ หม่อมแม่บอกมันไม่งาม รอให้คนกลับหมดก่อนค่อยทำ ฮิ๊วววววววว
บนหาดแม้จะมีขยะอยู่บ้าง แต่ก็เป็นธรรมดาค่ะเรื่องขยะ ทำใจกับประเทศไทย สอบถามพี่คนเรือเรื่องขยะ ได้ใจความว่า ที่เกาะปอดะมีบังกะโลซึ่งเป็นของเจ้าของเกาะ ตอนเช้าๆจะมีเจ้าหน้าที่มาเก็บขยะที่ชายหาดของทุกวันเพื่อเตรียมชายหาดให้สะอาดรอนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาชมความงามของที่นี่ ขยะที่เห็นเป็นขยะช่วงกลางวันที่ลมพัดเข้ามา... ฟังแล้วก็ใจชื้นค่ะ และเข้าใจว่าคนดูแลหาดคงต้องตื่นเช้ามากๆแน่ เพื่อมาเตรียมชายหาดให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา พี่น้องคร๊าบบบบบบ....   เราต้องช่วยกันดูแลท้องทะเลของเรานะคะ ขยะที่เราสร้างขึ้นขณะมาเที่ยวที่นี่ ห้ามทิ้งเกลื่อนกลาดนะคะ ให้ทิ้งในที่ๆเค้าจัดให้ หรือถ้าหาที่ทิ้งไม่ได้ ยืดอก...พกใส่ถุงมาทิ้งบนฝั่งดีกว่าค่ะ อย่าคิดว่าต้องเกรงใจคนดูแลหาด แต่ให้เกรงต่อธรรมชาติ ในอนาคตถ้าขยะมากขึ้น เราจะเอาอะไรมาเล่าขานบอกต่อถึงความสวยงามของท้องทะเลไทยให้ลูกหลานเหลนโหลนเราล่ะคะ แนวคิดอันนี้เอาไปปรับใช้ได้ทุกสถานที่ค่ะ กิ๊วๆ

แหน่ะบ่นแป๊บนึง พี่คนเรือเรียกอีกแระ บอกว่าจะไป อ่าวพระนาง ซึ่งเป็นหาดสุดท้ายของทริปนี้ และแล้วหัวเรือโทงก็แบนหัวหันหน้ามุ่งสู่ฝั่ง จุดหมายปลายทางคือ อ่าวพระนาง นั่นเอง

ใช้เวลาเดินทางจากเกาะปอดะมาถึงอ่าวพระนางประมาณ 15 - 20 นาที เร็วๆมาก พี่คนเรือเค้าบิดค่ะ ไม่ใช่ปวดท้องนะคะ เค้าบิดคันเร่งเครื่องเรือจริงๆ ตรงเครื่องเรือจะมีมือจับยื่นออกมาสำหรับถือท้ายเรือ ตรงมือจับจะมีเชือกผูกติดกับคันเร่งปั๊มดีเซล มือพี่คนเรือก็จับด้ามถือพร้อมกับกุมเชือกแล้วก็บิดเครื่องไปพร้อมๆกัน เจ๋งมั๊ยค่ะ คนไทยเราถ้าทำอะไร ไม่แพ้ชาติอื่นหรอกค่ะ  อิอิ เกี่ยวมะ

แท่นแท๊นนนนนน ถึงแล่วววว หาดพระนาง หรือ อ่าวพระนาง อุแม่เจ้าๆๆๆๆ อีกครั้ง ทำไมเราถึงได้รู้สึกเหมือนคนรูอะไรแบบนี้ ไม่คิดบ้างว่า ประเทศไทยเราจะมีหาดอะไรสวยแปลกตาแบบนี้ คุณผู้อ่านเคยเห็นมั๊ยค่ะ ถ้ำกับหาดทรายสวยๆ มาอยู่ด้วยกัน มันคลิกค่ะ มันคลิกจริงๆ ถึงแม้หาดจะไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนเกาะที่ไปมาแล้ววันนี้ แต่ด้วยความแปลกตาของถ้ำและภูเขาหินปูนที่ขนานกับหาดทรายแห่งนี้มันช่างโดดเด่นสวยงามจริงๆ

เดินสำรวจไปมาหน้าหาดสักพัก เราก็เดินอ้อมทะลุไปหลังถ้ำ ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงน้ำลงสุดแล้วตามที่พี่คนเรือบอก ด้านหลังนี้จะมีถ้ำเล็กๆให้มุดไปมานิดหน่อย แล้วก็ออกมาเป็นหาดเล็กๆ สวยมากค่ะขอบอก วิวดีมากคิดว่าถ้ามีเวลา จะพายเรือคายัคจากอ่าวนางมาเก็บภาพถ่ายมุมมองตรงนี้จากทะเลค่ะ

"น้องๆ น้องคนสวยน่ะ กลับกันได้แล้วนะ เดี๋ยวน้ำลงมาก พี่เอาเรือไปเก็บที่ท่าไม่ทัน" เสี่ยงพี่คนเรือ ว. มาแต่ไกล อ่ะ กลับก็กลับ แหม่ ยังไมหนำใจเลย ว่าจะขอนอนที่นี่สักคืน แต่ไม่ได้เอาเครื่องนอนอะไรมา พอดีกำลังเดินผ่าน รีสอร์ทสุดหรูที่ ก็เลยอยากจะลองเช่าห้องคืนละ 75000.- นอนเล่นสักคืนดู แหม่ เสียดายไม่ได้พกกระเป๋าตังค์มา เพราะหม่อมแม่ห้ามไว้ค่ะ กลัวเราทำกระเป๋าตังค์ตกทะเลหายไป ยิ่งเซ่อๆอยู่ด้วย

จบค่ะ จบ เด๋วจะมาเล่าทริปวันต่อมาให้อ่านกันแบบมันส์ๆอีก ขอบคุณกระบี่ออนทัวร์ สำหรับทริปดีๆ แถมยังลดให้อีก ทั้งๆที่ไม่ได้ขอสักหน่อย  ขอบคุณ Krabisky ขอบคุณพี่คนเรือ ชื่อ "จำยาก" วันหลังจะมาให้พี่บิดเรือไปถึงเกาะพีพีเลยค่ะ บายยยยยยค่ะ
Read More ...

Latest Stories

เมื่อนึกถึงกระบี่ ใคร ๆ ก็จะนึกถึงเกาะแก่ง หาดทราย น้ำทะเลสวยงาม ปลามากมายหลากสีสรร แต่ใครจรู้ว่ายังมีสถานที่สวยงาม ไม่แพ้กัน ต่างกันเพียงแต่ มันไม่ใช่เกาะ ไม่ใช่หาดทราย ไม่ใช่ทะเล แต่เป็นแนวขุนเขาที่ตั้งตระหง่าน ทอดยาวไปหลายกิโลเมตร นั่นคือเขาหงอนนาค




เขาหงอนนาค ตั้งอยู่ ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี   โดยใช้เส้นทางจากบ้านทับแขกไปยังเขาหงอนนาค   ซึ่งจะพบที่ทำการของอุทยานที่เป็นส่วนแยกเขาหงอนนาค  การจะขึ้นไปเที่ยวชมนั้นควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเพื่อนำทางและอำนวยความสะดวก เส้นทางขึ้นไปชม ณ บริเวณยอดเขานั้นมีระยะทางเพียง 3.7 กิโลเมตรเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นระยะทางสั้นๆแค่นี้ คนเดินทางก็ยังต้องใช้ความสามารถและพละกำลังบวกกับความตั้งใจเป็นอย่างสูง ถึงจะสัมผัสกับยอดแห่งแนวสันเขานี้ได้ 

จากจุดเริ่มต้นเดินไปยังจุดชมวิวจุดแรกมีระยะทาง 400 เมตร ก็จะพบลำธารให้นั่งพักเหนื่อยจากนั้นก็เดินต่อไปอีก 400 เมตร ก็ต้องพักกันอีกครั้งแต่ถ้ายังแข็งแรงก็ไปต่อกันเลย เพื่อไปชมจุดชมวิวจากมุมสูงเป็นครั้งแรกที่ระยะ 2.5 กิโลเมตร ซึ่งก็จะเห็นทะเลบริเวณด้านอ่าวท่าเลนที่ให้ความงดงามแตกต่างจากที่ไปพายเรือคยัก เราพักกันตรงจุดนี้เพื่อชื่นชมกับความงามตามธรรมชาติสักครู่หนึ่งจึงเดินทางกันต่อ ตลอดทางที่ผ่านมาจากจุดแรกเราจะได้เห็นต้นไม้ใหญ่น้อย เช่น พะยอม  ขนุนนก และพันธุ์ไม้อื่น ๆ ขนาดหลายคนโอบอีกมากมาย



ทำให้รู้สึกภูมิใจว่าชาวจังหวัดกระบี่เห็นคุณค่าของป่าไม้ และช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานสืบต่อไป และเมื่อเดินไปได้ระยะทาง 2.8 กิโลเมตร บางคนก็ลิ้นห้อยกันแล้ว เพื่อเป็นการเรียกความสดชื่นกลับมา  เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่เป็นผู้นำทางให้กับเราก็พาไปยังน้ำตกสายเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นทางน้ำไหลเสียมากกว่า เพราะน้ำที่ตกลงมาที่พื้นหินก็จะซึมหายไปอย่างรวดเร็วดูไม่เหมือนน้ำตกซักเท่าไหร่  แต่เมื่อได้ไปสัมผัสเพื่อเอาน้ำลูบหน้าลูบตากลับรู้สึกว่าได้ผ้าเย็นที่เย็นเจี๊ยบผืนใหญ่ สร้างความสดชื่นคลายเหนื่อยเมื่อยล้าได้แทบทันตาเห็น  

จากนั้นก็บ่ายหน้าไปยังจุดหมายที่ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดชมวิวสูงสุดมองเห็นไปทั่ว ตั้งแต่ทางด้านซ้ายมือซึ่งเป็นบริเวณเมืองกระบี่ เห็นเขาขนาบน้ำเรื่อยมาจนถึงเกาะกลาง  อ่าวพระนาง เกาะปอดะ ไกลไปยังเกาะพีพี ยิ่งถ้าหากตั้งแคมป์พักแรมก็จะได้ชมดาวในตอนกลางคืน และสัมผัสบรรยากาศเมืองในหมอกในตอนเช้า ซึ่งเหมือนต้องมนต์สะกดให้บันทึกภาพเก็บไว้ทั้งในความทรงจำ และภาพถ่าย  ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าที่เดินทางขึ้นเขามากว่า 4 ชั่วโมงแทบมลายหายสิ้นไปกับความงดงามของบริเวณเขาหงอนนาคแห่งนี้ที่หากใครได้มาเยี่ยมเยือนก็คงประทับใจคล้าย ๆ กับทีมงานที่ได้ไปเยี่ยมชม และขอเชิญชวนทุกท่านที่รักการผจญภัยให้ลองขึ้นไปเที่ยวเส้นทางศึกษาธรรมชาติแห่งนี้ เราขอรับประกันว่าอุทยานแห่งชาติที่นี่งดงามไม่แพ้ภูกระดึง หรือภูเรือเล

ด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่แต่งแต้มให้อณาจักรแห่งนี้ดูรื่นรมณ์ ทำให้จิตสำนึกของความรักในธรรมชาติพรั่งพรูออกมา แต่เราจะรักษาธรรมชาติแบบนี้ไว้ได้นานแค่ไหน เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แต่เป็นการกระตุ้นให้เราคอยปกปักรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่คู่กับกระบี่และอยู่ชั่วลูกชั่วหลานสืบไป

Krabi on tours
Read More ...

Latest Stories



ไม่มีใครปฏิเสธการเดินทางไปเยือนจังหวัดกระบี่ เพราะที่นี่คือดินแดนแห่งขุนเขา หาดทราย ชายทะเล กลุ่มเกาะ น้ำตก และโถงถ้ำ ที่สวยงามติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ซึ่งสามารถเดินทางไปเยือนได้ตลอดทั้งปี

ไม่ใช่เพียงแค่ภูมิประเทศที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ประวัติความเป็นมาอันยาวนานของกระบี่ รวมถึงอัธยาศัยไมตรีอันดีและวิถีชีวิตของคนกระบี่ที่ผูกพันอยู่กับการทำสวน ทำไร่ ก็เป็นอีกเสน่ห์ที่ทำให้กระบี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางในวันพักผ่อนของนักท่องเที่ยวเสมอมา
จังหวัดกระบี่มีเนื้อที่ประมาณ 4,708 ตารางกิโลเมตร ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 46 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา ที่ดอน ที่ราบ และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะ ริมปากอ่าวและรอบหมู่เกาะหลายเกาะคือป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ มีภูเขาพนมเบญจาเป็นภูเขาสูงที่สุดของกระบี่ (1,397 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง) และเป็นต้นกำเนิดของคลองปกาสัย คลองกระบี่ใหญ่ และคลองกระบี่น้อย สายน้ำสำคัญของจังหวัด


จากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดค้นพบในเขตจังหวัดกระบี่ โดยหลักฐานอายุเก่าแก่ที่สุดคือถ้ำหมอเขียว ที่มีอายุถึง 27,000-37,000 ปีนั้น ทำให้สันนิษฐานได้ว่า ที่นี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณก่อนประวัติศาสตร์ มีการขุดค้นพบเครื่องมือยุคหินจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตอำเภอคลองท่อม อีกทั้งยังพบภาพเขียนสีโบราณบนผนังถ้ำหลายแห่ง เช่น ถ้ำผีหัวโต เป็นต้น


นอกเหนือจากการเป็นชุมชนเก่าแก่ กระบี่น่าจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางข้ามคาบสมุทรมลายูจากฝั่งตะวันตกไปยังฝั่งตะวันออก และเป็นศูนย์กลางทางการค้าอีกด้วย โดยพบหลักฐานสำคัญคือลูกปัดโบราณจำนวนมากในเขตอำเภอคลองท่อม


จนกระทั่งเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่า กระบี่คือเมืองบันไทยสมอ ซึ่งเป็น 1 ใน 12 เมืองนักษัตร ขึ้นอยู่กับอาณาจักรตามพรลิงค์ (นครศรีธรรมราช) โดยมีรูปลิงเป็นตราประจำเมือง และเป็นชุมชนซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งถึงสมัยรัตนโกสินทร์


ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ เมื่อเมืองถลาง (หรือภูเก็ต) ถูกพม่าเผาทำลาย กระบี่จึงได้รับการพัฒนาให้เป็นเมืองท่าทดแทน ในยุคนี้มีการคล้องช้างป่าที่บ้านปกาไสยกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ช่วงนี้เองที่มีผู้คนอพยพมาตั้งหลักแหล่งมากขึ้นจนกลายเป็นชุมชนใหญ่ และเจริญขึ้นเป็นแขวงเมือง ชื่อแขวงเมืองปกาไสย โดยต่อมาได้ย้ายเมืองมาอยู่ริมทะเล บริเวณปากแม่น้ำกระบี่ เพราะที่ตั้งเมืองเดิมอยู่ลึกเข้าไปในแผ่นดินนั้นไม่สะดวกต่อการค้าขายทางเรือ


กระทั่งถึงปี พ.ศ. 2415 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะแขวงเมืองปกาไสยขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกระบี่” ขึ้นอยู่กับนครศรีธรรมราช จากนั้นจึงโอนไปขึ้นกับมณฑลภูเก็ตใน พ.ศ. 2439 จนถึง พ.ศ. 2444 ได้ย้ายเมืองมาอยู่ ณ ที่ตั้งของศาลากลางหลังปัจจุบัน และได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดใน พ.ศ. 2476 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว


จังหวัดกระบี่แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกระบี่ อำเภออ่าวลึก อำเภอปลายพระยา อำเภอเขาพนม อำเภอคลองท่อม อำเภอลำทับ อำเภอเกาะลันตา และอำเภอเหนือคลอง

นั่งเรือหางยาวไปไร่เล ลงเรือที่อ่าวนางสะดวกที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ลงเรือที่นี่ ทำให้ไม่ต้องรอนาน ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีเท่านั้น


การขับรถยนต์ไปเที่ยวเกาะลันตา แนะนำให้ลงเฟอร์รีเที่ยวเช้าสุด (ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ) เพราะเฟอร์รีออกตรงเวลา สำหรับเที่ยวหลังๆ นั้นอาจล่าช้าจากกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะเที่ยวท้ายๆ ที่มักจะล่าช้าสะสมมาจากเที่ยวก่อนๆ


ตรวจสอบเวลาน้ำขึ้นน้ำลงก่อนไปเที่ยวสุสานหอยบ้านแหลมโพธิ์ ควรไปช่วงน้ำลง เพราะจะได้เห็นฟอสซิลหอยดึกดำบรรพ์อายุ 40 ล้านปีอย่างเต็มตา ช่วงน้ำขึ้นนั้น สุสานหอยจะจมอยู่ใต้น้ำ


ถ้าไปเที่ยวสระมรกต น้ำตกร้อน อย่าลืมเตรียมชุดไปแช่น้ำอุ่นด้วย โดยเฉพาะที่กระบี่น้ำตกร้อน มีพื้นที่ที่เป็นอ่างน้ำธรรมชาติ นอนแช่ได้สบายตัว ควรไปในวันธรรมดาเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวจำนวนมา
ท่องเที่ยวกระบี่
Read More ...